วันนี้ Pira Story ขอพาทุกคนไปสัมผัสประสบการณ์หลอนกับนิทรรศการศิลปะ “เดือนสลัว กลัวสลาย” ที่ซีคอนสแควร์ จัดทำโดย STUX2 (สตู เอ็กซ์ ทู) กลุ่มผู้สร้างสรรค์งานนิทรรศการเลือดใหม่ที่มีผลงานโดดเด่นในงาน Bangkok Design Week และ Awakening Bangkok
ไฮไลต์ของนิทรรศการนี้ คือการหยิบยกเรื่องราวความลี้ลับของตำนานแม่นาก พระโขนง แห่งวัดมหาบุศย์ ซึ่งงอยู่ห่างจากถนนศรีนครินทร์เพียง 5 กิโลเมตร มานำเสนอผ่านการตีความใหม่ รวมไปถึงการนำความเชื่อ และสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกกลัว มาจัดแสดงในรูปแบบของนิทรรศการศิลปะจัดวางองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม ภายใต้แนวคิดที่ว่า “ความกลัวหายไป เมื่อความเข้าใจมาแทน” โดยดึงเอาองค์ประกอบของสิ่งต่าง ๆ ที่ชวนให้เรารู้สึกถึง “ความกลัว” หรือความรู้สึกไม่มั่นคงในจิตใจมาให้เราได้สัมผัสในแทบทุกผัสสะ เพื่อให้เราย้อนกลับมามองความรู้สึกของตัวเองอีกครั้ง และตั้งคำถามกับตัวเรา ว่าตกลงสิ่งที่เรากลัวนั้น แท้จริงแล้วคืออะไร เมื่อเราเข้าใจถึงแก่นแท้ของความกลัว ความกลัวนั้นก็อาจจะสลายหายไป หรือเราอาจจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับความรู้สึกกลัวนั้นได้อย่างเข้าใจ
นิทรรศการนี้เป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการชุด Srinakarian Artibition (ศรีนคเรี่ยน อาร์ติบิชั้น) ที่ MUNx2 (มันมัน คอมมูนิตี้) ร่วมกับ Exhibition Creator รุ่นใหม่ นำเรื่องราวเกี่ยวกับสถานที่ วิถีชีวิต ที่เกิดขึ้นบนถนนศรีนครินทร์ และกรุงเทพตะวันออก มาร้อยเรียงเป็นนิทรรศการศิลปะหลากแขนง ให้ได้ชมฟรีตลอดทั้งปี

นิทรรศการเดือนสลัว กลัวสลาย
จัดแบ่งการแสดงชิ้นงานออกเป็น 7 ผลงาน ได้แก่
- เสาชิงสุข เมื่อนึกถึง “เสาชิงเปรต” บางคนอาจจะนึกถึงเรื่องราวสยองขวัญของเปรตที่น่ากลัว แต่หากเราลองพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ของการจัดประเพณีชิงเปรตในเทศกาลวันสารทเดือนสิบของชาวใต้ เราจะพบว่าประเพณีนี้เป็นประเพณีที่เกิดขึ้นเพื่อระลึกถึงบรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้ว ประเพณีนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่ญาติพี่น้องจะได้กลับมาพบปะกัน ได้ร่วมกันระลึกถึงบรรพบุรุษอันเป็นที่รัก เป็นช่วงเวลาแห่งความรักและการแบ่งปันของทุกคนในครอบครัว



- แล้วแต่ศาล นิทรรศการส่วนนี้จัดแสดงโครงสร้างและรูปทรงของศาลขนาดต่าง ๆ ถึงจะมีเพียงเสากับหลังคา แต่มองแวบเดียวก็นึกถึงศาลที่เราเห็นบ่อยจนชินตากันได้เลย เมื่อนึกถึงศาลที่ถูกทิ้งร้างตามริมถนน โค้ง หรือแยกต่าง ๆ หลายคนมักจะนึกถึงความน่ากลัว แต่ถ้าลองเปลี่ยนมุมมองดู จุดเริ่มต้นของศาลเหล่านี้อาจจะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดก็ได้ อาจมีคนนำศาลเก่ามาทิ้ง แล้วก็เริ่มทิ้งตาม ๆ กันจนกลายเป็นสุสานศาลที่เห็นแล้วรู้สึกขนลุกทุกครั้งที่นั่งรถผ่านก็ได้












- ลานเวรวน
ห้องนิทรรศการแบบปิดที่ให้เราได้ลุ้นว่าจะได้เจอกับอะไรด้านในบ้าง ถ้าอยากสัมผัสความรู้สึกแบบเต็มทุกประสาทสัมผัส ขอแนะนำให้เข้าไปด้านในคนเดียว แล้วซึมซับความรู้สึกให้เต็มที่ การจัดแสดงนิทรรศการภายในห้องนี้จะพูดถึงการเวียนวนเป็นวงกลมของสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นวงกลมของล้อรถวีลแชร์ ซึ่งถูกใช้ในหลายช่วงเวลาของชีวิต ทั้งการเกิด การแก่ชรา ความเจ็บป่วย ไปจนถึงความตาย หรือการหมุนวนของวัฏสงสาร กงกำกงเกวียน การเวียนว่ายตายเกิด การกำเนิดและการดับสูญที่เกิดขึ้นวนไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด





- อมตะนิรันดร์ (แม่นากพระโขนง) นิทรรศการที่อุทิศให้แก่การถูกพันธนาการในความทุกข์ตรมแห่งการรอคอยที่ไม่มีวันสิ้นสุด ตัวแทนของการบูชาความรัก ความผูกพัน และสายสัมพันธ์ที่ไม่มีแม้วันบรรจบ ผ่านข้าวของเครื่องใช้และบรรยากาศที่ชวนให้เรานึกถึงเรื่องราวความรักของแม่นากพระโขนง ทั้งลูกมะนาวที่หล่นอยู่ที่ใต้ถุนบ้าน บทเพลงกล่อมเด็ก เปลกล่อมลูกนอน ของเล่นเด็ก โต๊ะเครื่องแป้ง ท่าน้ำในคืนพระจันทร์เต็มดวง และบรรยากาศอันเย็นยะเยือก มืดมัว













- ห้องปลิดทุกข์
เมื่อนึกถึงสถานที่ที่ทำให้เราได้ปลดทุกข์ ก็มักจะนึกถึงห้องน้ำกันใช่ไหมคะ นิทรรศการห้องนี้ก็ตกแต่งให้ดูคล้ายห้องน้ำ เพื่อสื่อถึงการพ้นทุกข์ ตกแต่งด้วยกระจกเงาที่มองเห็นได้แค่ครึ่งตัว มองไม่เห็นขาด้านล่าง เสมือนว่าเราคือจิตวิญญาณที่ไร้ตัวตน พ้นจากความทุกข์



- ห้องหลังห้อง
เมื่อนึกถึงตำนานเรื่องเล่าหลอนลี้ลับเกี่ยวกับสถานที่ต่าง ๆ โรงเรียนคือหนึ่งในสถานที่ที่หลายคนนึกถึง นิทรรศการห้องนี้จึงนำภาพห้องเรียนน่ากลัว ๆ ในความทรงจำมาจัดแสดงให้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น ด้วยการทำห้องเรียนแคบ ๆ ที่มีเพียงโต๊ะ เก้าอี้ กระดานดำ และหิ้งพระที่ชวนให้สงสัยว่า ทำไมในห้องเรียนถึงต้องมีหิ้งพระแบบนี้อยู่ด้วยนะ เมื่อรวมกับไฟที่กระพริบตลอดเวลา ยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัด ไม่มั่นคง ไม่สบายใจที่จะก้าวเข้าไปในห้องนั้น


- ห้องสุดท้าย
ห้องสุดท้ายห้องนี้ก็เปรียบเสมือนช่วงสุดท้ายในชีวิตก่อนที่เราจะหมดลมหายใจและลาจากโลกนี้ไปไม่ว่าจะเป็นผ้าม่านโรงพยาบาลสีขาว ในห้องสีขาวบริสุทธิ์ที่เปรียบเสมือนการดับสูญ โทรทัศน์ที่ส่งคลื่นความถี่ต่าง ๆ ออกมาอยู่ตลอดเวลาที่อาจสื่อถึงคลื่นความถี่ของชีวิต โลงศพสีเขียวที่ถูกนำมาจัดวางเป็นแบ็กกราวน์เบื้องหลังพวงหรีดดอกไม้สดที่ค่อย ๆ เหี่ยวและเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา ทุกอย่างล้วนต้องดับไปเป็นอนิจจัง







อยากให้ทุกคนมาชมนิทรรศการนี้ด้วยตัวเอง เพราะต่างคนต่างก็มีประสบการณ์ชีวิต ความทรงจำ และทัศนคติต่อเรื่องต่าง ๆ ที่ชีวิตที่ผ่านมาแตกต่างกัน การเดินชมนิทรรศการนี้ จึงเป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเราได้อยู่กับความคิดของตัวเอง พิจารณาถึงความเป็นไปในแต่ละห้อง แล้วกลับมาคิดทบทวนถึงชีวิตของเรา ในแบบที่ไม่มีใครสามารถให้คำตอบกับเราได้นอกจากตัวเราเอง
การเข้าชม
วันที่: 21 ตุลาคม – 20 พฤศจิกายน 2565
สถานที่: มันมัน คอมมูนิตี้ ชั้น 1 และ ชั้น 3 ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ https://goo.gl/maps/QZxmuystQ5jzxCVx7
- นิทรรศการปกติ เปิดให้ชมฟรีทุกวัน
- กิจกรรม Exhibition Tour หลังห้างปิด เวลา 21.30 น. ทุกวัน ศกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ตั้งแต่วันนี้ – 20 พฤศจิกายน 2565 รับจำนวนจำกัดรอบ ละ 30 คน
- นิทรรศการรอบพิเศษ (Exclusive): ค่าเข้าชม 2,000
วันจันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 21.30 น.
วันศุกร์ – อาทิตย์ เวลา 22.00 น.
(นัดหมายล่วงหน้าเท่านั้น ไม่เกิน 13 ท่าน/รอบ) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Line: @munx2 และ Facebook.com/MUNX2